Strongest Sect of All Times Chapter 229 Being of one mind 【Fourth】
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 229 Being of one mind 【Fourth】
心有灵犀一点通【第四更】
กลุ่มมือสังหารกว่าร้อยคนที่ลงมาชุดแรก,ถูกสังหารหมดทั้งหัวหน้า,รองหัวหน้า,เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง.
เอ๊ะ,ไม่ใช่.
ยังมีหนึ่งคนที่รอดชีวิต!
โกวจื่อ,เป็นชายที่หื่นกระหายต้องการตายด้วยผู้หญิงนั่นเอง,ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด.
หากโลกนี้มีมือถือ,เขาคงโทรเรียกคนมาช่วยแล้ว,เพราะว่าร่างของเขาถูกแช่แข็ง,ไม่ต่างจากรูปปั้นน้ำแข็ง.
เขาถูกลู่เชียนเชียนแช่แข็งเอาไว้.
ตอนนี้ถูกนำมาวางบนหินก้อนหนึ่ง,เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เข้ามาล้อมรอบ,พร้อมกับพูดคุยกันไปมา.
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ร้ายกาจมาก,คาดไม่ถึงว่าจะแช่แข็งคนเป็นได้!”
“หากไม่เห็นด้วยตัว,คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน!”
“ถูกแช่แข็งเอาไว้,ไม่หนาวงั้นรึ?”
ยิ่งกว่าหนาวซะอีก!
โก่วจื่อที่ถูกชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ห่อหุ้ม,เวลานี้หนาวแทบตกนรก,เจ็บปวดไปทั่วร่าง.
หากเลือกได้,ขอตายด้วยปืน,หรือถูกสับให้ตายไปเลยดีกว่า,ไม่ต้องการทรมานเช่นนี้.
น่าเสียดาย.
ไม่สามารถเลือกได้.
เพราะว่าก่อนหน้านี้ด้วยคำพูดไม่มีหูรูดของเขา,ทำให้ต้องรับผลกรรม.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ลั่วฉิวที่เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา,”มันคนนี้ล่ะที่พ่นคำหยาบคายออกมา,หากว่าไม่ทรมานมันล่ะก็,ขุ่นแม่คงไม่หายอารมณ์เสียแน่.”
ถางจู่หลี่ที่โกรธจนควันออกหู,กับคำที่โก่วจื่อพ่นออกมาก่อนหน้านี้.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”มอบให้เจ้า.”
“ฟิ้ว!”
หลี่ลั่วฉิวที่โบกมือ,จากนั้นก็นำมีดสั้นออกไป,ก่อนที่จะเดินไปด้านหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง,ก่อนที่จะตัดไปที่ตำแหน่งแขน.
“แก๊ก!”
ชั้นน้ำแข็งที่ถูกถากออกไป,เผยให้เห็นเนื้อด้านใน!
“แก๊กแก๊ก แก๊ก!”
แขนของโกวจื่อที่ขาดออกจากกัน,โลหิตที่ไม่ได้ไหลออกมา,เพราะมันถูแช่แข็งไปแล้วนั่นเอง.
เจ็บหรือไม่?
โคตร ๆเจ็บเลย!
ความเจ็บปวดที่ทรมานท่ามกลางนกรกน้ำแข็ง,เวลานี้ใบหน้าของเขาที่บิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก,เจ็บปวดเกินจะพรรณนา.
ถึงจะถูกแช่แข็ง,แต่กับไม่ถูกปิดกั้นความเจ็บปวด!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มีดของหลี่ลั่วฉิวที่เหวี่ยงออกไป,บนส่วนต่าง
ๆของชิ้นส่วนรูปปั้นน้ำแข็ง.
ลู่เชียนเชียนที่ไม่ได้ขยับ,ดูเหมือนว่ากำลังกระตุ้นไอเย็น,แช่แข็ง,ผนึกร่างของชายคนดังกล่าวอยู่.
ต่อหน้าผู้หญิงทั้งสอง,โกวจื่อเวลานี้รู้สึกแทบตายทั้งเป็น.
“อมหิตเกินไปแล้ว!”
เขาที่ปรารถนาที่จะได้ทรมานศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นเขาที่ต้องทรมาน,ยิ่งกว่าตกนรก.
“หลิงเสวี๋ย.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ไปเฉือนเนื้อมันออกมาส่วนหนึ่ง.”
“อ๋า? เอ่อ.....”
หลิงหยวนเสวียที่รับมืดมา,ก้าวไปด้านหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง,ก่อนที่จะเหวี่ยงมีดออกไป.
“แก๊ก แก๊ก!”
มีดที่ตัดผ่านชั้นน้ำแข็ง,กินลึกเข้าไป.
ท้ายที่สุด,ชายที่มีนามว่าโกวจื่อ,ตอนนี้ถือว่าตายทั้งเป็นอย่างแท้จริง.
ความเจ็บปวดอย่างลึกล้ำ,ไม่จำเป็นต้องบรรยายสิ่งใดออกมา,กับความปรารถนาของเขาที่ต้องการตายในมือของสตรี,ตอนนี้ได้ตายด้วยผู้หญิงแล้ว.
ใช่แล้ว,ดูเหมือนว่าจะเกินกว่าคำว่าสมปรารถนาอย่างแท้จริง.
กับสตรีที่เฉือนเนื้อของเขาออกไปเป็นชิ้น
ๆ,เป็นความเจ็บปวดและเศร้า,ราวกับตกอยู่ในนรกอเวจี.
......
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เวลานี้ที่เข้าร่วมการสังหาร,ตอนนี้เก็บเกี่ยวประสบการสังหารคนด้วยกันแล้ว.
ในโลกที่โหดร้าย,นี่แทบจะเป็นเรื่องธรรมดาในวิถีผู้ฝึกยุทธ์,เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องประสบ.
และคนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงก็คือหลี่ซ่างเทียน.
เขาที่ได้รับประสบการณ์ในการสังหารโดยไม่เสียจิตใจเรียบร้อยแล้ว.
แม้นว่าเริ่มแรกจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว,ทว่าก็ตระหนักได้ในที่สุด,เกือบที่จะย่ำแย่ไปเหมือนกัน.
“วันนี้.”
หลี่ซ่างเทียนที่คิดในใจ,”วันนี้ข้าหลี่ซ่างเทียนเติบใหญ่แล้ว!”
หลิงหยวนเสวี๋ยเองก็ฆ่าคนแล้วเช่นกัน.
แม้นว่าจะเป็นการช่วยเหล่าศิษย์พี่ก็ตามที.
แม้นว่านางจะรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก,ทว่านางก็หาญกล้าขึ้นเรื่อย
ๆ,แน่นอนว่ามันจะช่วยพัฒนานางขึ้นให้ดีขึ้นในภายหลัง.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”จากนี้จะทำอย่างไรดี?”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนโขดหิน,ขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารขบเคี้ยว,เอ่ยออกมาว่า,”ศิษย์พวกเขาตายไปตั้งหลายคน,ตอนนี้คงโกรธเกรี้ยวแทบบ้า,ไม่มีทางที่จะอดทนไว้ได้.”
......
ห้องโถงหออินทรีย์ดำ.
“ปัง!”
โต๊ะน้ำชาที่ถูกเล่ยเห่ยซาตบจนพัง,ร่างกายที่เวลานี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร,โกรธเกรี้ยว
เขาได้สั่งกลุ่มมือสังหารดื่มโลหิต,กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกไป,ทว่ากับตายไปทั้งหมดที่เชิงเขาสำนัก,มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้!
หากว่าเหล่าศิษย์ทั่วไปตกตายไป ก็ยังพอทำใจยอมรับได้.
แต่กองกำลังนักฆ่าดื่มโลหิตของเขานั้น,ต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรมากมายในการฝึกฝน!
“เจ้าหอ.”
หยางจื่อขมวดคิ้วไปมา,”ที่ใต้ภูเขามีกลุ่มคนกำลังซุ่มโจมตีอยู่,ดูเหมือนว่าสถานะการณ์ข้างหน้าค่อนข้างมืดมน!”
สามารถสังหารกองกำลังดื่มโลหิตได้ในเวลาอันสั้น,แม้แต่หัวหน้าทีมยังตกตายไปที่ด้านหน้าประตูสำนัก,ไม่ใช่ชาวยุทธ์ทั่วไปจะทำได้.
“เซียวเซิงหยาง.”
เล่ยเห่ยซาที่ระงับความโกรธเอาไว้ช้า
ๆ,กล่าวออกมาว่า,”ใครกันที่กล้ามาหาเรื่องหออินทรีย์ดำของขาถึงเชิงเขา!”
“ไม่สามารถบอกได้.”
หยางจื่อที่ครุ่นคิดไปมา.
ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งงงวย,บอกไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร.
รองเจ้าหอเอ่ย,”คนที่มานี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นหอสายฟ้า?”
“เป็นไปไม่ได้.”
หยางจื่อที่เงียบ,และครุ่นคิดอยู่นั้นเอ่ยออกมาว่า,”หอสายฟ้า,เองก็เป็นสำนักระดับเจ็ดไม่ได้มีพลังต่างจากพวกเรา,พวกเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น.”
”......”
รองเจ้าหอที่สายตาส่ายไปมา,กล่าวออกมาอย่างจริงจัง,”เป็นฝีมือสำนักระดับหกหรือไม่?”
หยางจื่อที่ส่ายหน้าไปมา,”หลายปีมานี้,เป้าหมายของพวกเรานั้นเป็นสำนักระดับแปดหรือเก้า,ไม่เคยยั่วยุสำนักระดับหกเลย.”
เล่ยเห่ยซาที่กล่าวด้วยความโกรธ,”ไม่ว่ามันจะเป็นใคร,กล้าสังหารคนของหออินทรีย์ดำ,จะต้องชดใช้!”
“เซียนเซิงหยาง.”
“มีแผนการที่ยอดเยี่ยม,ที่จะโจมตีอีกฝ่ายหรือไม่?!”
หยางจื่อกล่าว,”จากคำพูดของศิษย์ที่เห็นพวกเขาที่ทางเข้า,ศัตรูควรจะมีจำนวนอย่างน้อย70-80.”
“ศัตรูอยู่ในที่มืด,พวกเราอยู่ที่แจ้ง,และพวกเขายังมีอาวุธลับที่ทรงพลังอีกด้วย.”
“หากว่าเป็นกลางคืนล่ะก็,พวกเขาคงไม่สามารถใช้อาวุธลับได้อย่างแม่นยำ,หากว่าพวกเราส่งคนลงไปหลังเขาลอบโจมตีจากด้านหลังและขนาบข้างจากด้านหน้าล่ะก็,น่าจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้!”
“พูดมีเหตุผล.”
เหล่ยเหอซาจ้องมองไปยังรองเจ้าหอคนหนึ่ง,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าสาม,เจ้านำเหล่าหัวหน้าหน่วยสักสองคน,คัดเลือกศิษย์ที่มีท่าเท้ายอดเยี่ยม,ลงเขาด้านหลัง,อ้อมไปโจมตีด้านหลังศัตรู,จากนั้นก็ส่งสัญญาณมาพวกเราจะโจมตีพร้อมกัน.
“รับทราบ.”
รองเจ้าหอที่จากไปอย่างรวดเร็ว.
......
ที่เชิงเขาอินทรีย์ดำ.
เซียวจุ้ยจื่อที่ใช้ไรเฟิลรูปแบบ 88 ,พร้อมกับส่องผ่านกล้องส่องทางไกลแปดเท่า,จับตาทางเข้าของหออินทีย์ดำตลอดเวลา.
หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆที่กระจายออกไปรอบ
ๆ,ซุ่มโจมตีอยู่เช่นกัน.
ส่วนจุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนโขดหิน,กล่าวออกมาว่า,”ผ่านไปเป็นเวลานานแล้วพวกมันยังไม่ออกมา,ดูไม่เหมือนกับนิสัยของสำนักมารเลย.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”พวกเรามีปืนไฟไร้เทียมทาน,พวกเขาไม่ใช่คนโง่,ไม่มีทางกล้าออกมา.”
“มีเหตุผล.”
จุนซ่างเซียวที่ตรวจสอบดูแผนที,ก่อนที่จะชี้ไปยังพื้นที่หนึ่ง,”เจ้าคิดว่าพวกมันจะลงที่ด้านหลังเขาตรงนี้,แล้วอ้อมเข้ามาโจมตีด้านหลังพวกเราหรือไม่?”
“ไม่มีทาง.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ที่นั่นเป็นหน้าผาที่ชันราวกับใบดาบ,และยังสูงกว่าร้อยจั้ง,หากกระโดดลงไป,ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์ก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา,”นี่คือสำนักงานใหญ่ของพวกเขา,การที่มีทางขึ้น-ลงทางเดียว,สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสำนักที่อันตรายมาก,บางทีพวกเขาอาจจะมีวิธีที่พวกเราไม่รู้ก็ได้.”
หยางจื่อที่คิดจะลงด้านหลังเขาอ้อมตลบหลัง,จุนซ่างเซียวเองก็คิดได้เช่นกัน.
“เจ้าดูแลพื้นที่ตรงนี้ไว้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เปิ่นจั้วจะนำคนไปดูที่หลังเขาเอง.
กล่าวจบ,เขาที่นำเซียวจุ้ยจื่อและศิษย์อีกหลายคนไปยังหนาผาหลังเขา,ดูเหมือนว่าจะเป็นหน้าผาที่สูงชันมากมีความสูงราว
ๆ พันเมตร,หากว่ามีใครโดดลงมา,ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสแน่.
และแล้วเวลากลางคืนก็มาถึง.
“เจ้าสำนัก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่จับตาดูอยู่เอ่ยถามเสียงเบา,”มีบางคนกำลังจะลงมา.”
จุนซ่างเซียวที่รับปืนมา,ส่องผ่านกล้องส่องทางไกลแปดเท่า,แสงจันทร์ที่สาดส่อง,เขาเห็นศิษย์หออินทรีย์ดำรวมตัวกันที่หน้าผาด้านบน.
จากนั้น.
ศิษย์หลายสิบคนก็กระโดดลงมาพร้อมกัน.
“เย้ดเข้!”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองเงาที่กระโดดลงมา,ที่มุมปากถึงกระตุก,”กระโดดลงมาตรง
ๆเลยรึ? อย่างน้อยก็โหนเชือกค่อย ๆลงมาหรือผูกเชือกที่เท้าเอาไว้ก็ได้ไม่ใช่รึไง?”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น