Strongest Sect of All Times Chapter 119 The quarrying a mountain gate, receives the disciple
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 119 The quarrying a mountain gate,
receives the disciple
开山门,收弟子
หลังจากการประลองบนเทือกเขาหลิงชวน,จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหกวันแล้ว,ยกเว้นหลิวหว่านซี,ศิษย์ทุกคนที่ก้าวไปถึงระดับเปิดชีพจรขั้นสิบสองแล้ว.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางกล่าวรายงาน,”หลายวันมานี้ศิษย์หลายคนที่ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์,ตอนนี้คนที่ไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์มี
19 คนแล้ว.”
ศิษย์ยุทธ์ 19 คน,เปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง 79
คน,นับว่าเติบโตรวดเร็วเป็นอย่างมาก.
ช่างน่าเสียดายที่ศิษย์ของเขามีอย่างจำกัด,ถึงจะแข็งแกร่ง,แต่ก็ไม่สามารถเลื่อนไปเป็นสำนักระดับเจ็ดได้.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา,”นี่คงถึงเวลาลงเขา,เพื่อรับศิษย์แล้ว.”
ทุกสำนักที่เหมือน
ๆกัน,การจะรับศิษย์จะต้องทำเป็นมาตรฐาน,ดังนั้นเขาจึงได้เดินทางไปยังเมืองชิงหยาง,ตรงไปยังตำหนักเจ้าเมือง.
“เจ้าเมืองเซี่ย.”
ทันทีที่เข้าในในห้องโถง,เขาก็กล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา,”เปิ่นจั้วต้องการรับศิษย์,ไม่รู้ว่าจะขอใช้ประกาศอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา.”เซี่ยกวนคุนกล่าวตอบรับในทันที.
ด้วยเหตุนี้,บนป้ายประกาศของเมืองชิงหยางแต่ละพื้นที่,จึงได้มีประกาศของสำนักไท่กู่เจิ้ง,ว่ากำลังเปิดรับสมัครศิษย์.
เมืองทางตะวันออก : เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ร่วมสร้างฝันด้วยกัน.
เมืองทางใต้ : ต้องการเป็นยอดยุทธ์ที่โดดเด่น,มีความสามารถที่โลกยกย่อง,สำนักไท่กู่เจิ้ง,สามารถช่วยได้.
เมืองทางเหนือ,สำนักที่จะบ่มเพาะพวกเจ้าให้เติบโต,กำลังรอคอยพวกเจ้าอยู่.
เมืองทางทิศใต้,หากต้องการจะโบยบินสู่ท้องฟ้า,สำนักไท่กู่เจิ้งพร้อมมอบปีกให้กับพวกเจ้า.
ในทวีปชิงหยุนมีสำนักมากมายหลากหลายสำนักที่มีการประกาศรับศิษย์,แต่ละสำนักต่างก็อวดอ้างคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป,ทว่ากับไม่เคยมีใครเคยได้เห็นประกาศรับสำนักเช่นสำนักไท่กู่เจิ้งแม้แต่น้อย,ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลายเป็นที่สนใจของคนมากมายในทันที.
ไม่ใช่แค่เมืองชิงหยางเท่านั้น.
จุนซ่างเซียวเองที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลอ้าย,เองได้เริ่มประกาศที่เมืองฮู่หยางด้วยเช่นกัน.
อย่างไรก็ตาม!
แม้นว่าจะมีการประกาศไปแล้วหลายวัน,หากแต่คนที่มาลงทะเบียนเข้าสำนักก็ยังมีน้อยอยู่มาก.
......
“แสกกกก!”
เสียงของอีกาที่บินว่อนบนท้องฟ้า,กำลังส่งเสียงดังลั่น.
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ด้านหน้าประตู,มือค้ำคางแทบทรุดลงกับที่,”หลายวันมานี้ข้าก็สร้างความสำเร็จไม่น้อย,แล้วทำไมไม่มีคนมาลงทะเบียนอีกล่ะ?”
หลี่ชิงหยางเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ท่านได้ประกาศท้าประลองกับนิกายเซิ่งชวนและสำนักเห่าฉี,เป็นการต่อสู้ที่แทบเป็นไปไม่ได้,ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนกลัวว่าสำนักของพวกเราจะปิดซะก่อน,เลยไม่กล้ามาลงทะเบียน.”
“พูดมีเหตุผล.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
ที่จริงก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่เลว,อย่างน้อยก็จะเป็นการคัดเหล่าคนที่จิตใจอ่อนแอออกไปด้วย.
คนที่กล้ามาลงทะเบียน,ไม่หวาดกลัวต่อปัญหา,นี่สิถึงจะคู่ควรต่อสำนักไท่กู่เจิ้ง.
“กึก.”
ในเวลาเดียวกัน,มีผู้เยาว์ที่สวมชุดสีขาวก้าวเดินเข้ามา.
ในมือของเขาที่ถือพัด,พร้อมกับโบกสะบัดให้ลมพัดผมสยายไปด้านหลัง,เผยใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางจ้องมองไปเป็นสายตาเดียวกัน,เห็นแวบแรกคิดว่า,กำลังมาแสดงละครซะอีก!
“ฟิ้ว!”ชายหนุ่มชุดสีเขาวที่เก็บพัดก่อนที่จะก้าวขึ้นบนบนแท่นลงทะเบียน,เผยท่าทางสุขุมสุภาพยกมือประสานขึ้น,”เจ้าสำนักจุน,ผู้น้อยชื่นชมสำนักไท่กู่เจิ้งมานานแล้ว,ได้ยินมาว่าลงทะเบียนเปิดรับศิษย์จึงได้เดินทางมาเป็นการเฉพาะ.”
ตำแหน่งที่ยกมือประสานนั่น....มันหลี่ชิงหยางเว้ย!
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้น,เขียนอักษรบนกระดาษว่า,”ข้าเป็นเจ้าสำนัก”ก่อนที่จะประทับติดไว้ที่หน้าผาก.
ข้าอยากถามเจ้า,เห็นมันชัดเจนรึยัง!
“เอ่อ......”
ผู้เยาว์ชุดขาวที่เงียบไปครู่หนึ่ง,ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างอักอ่วน,”ต้องขออภัย,เข้าใจผิดซะแล้ว,ขอโปรดเจ้าสำนักจุนอย่าได้ถือสา.”
ถือสาอย่างงั้นรึ?
เจ้ากำลังจะบอกว่าเพราะเปิ่นจั้วดูไม่เหมือนเจ้าสำนักเองอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่ยกขาพาดขาอีกข้าง,ก่อนที่จะจับพู่กัน,กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด,”ชื่ออะไร?”
“หลงจื่อหยาง.”ชายชุดขาวที่เร่งรีบกล่าวออกมาในทันที.
จุนซ่างเซียวที่ตกใจเล็กน้อย,ก่อนที่จะฉีกกระดาษบนหัวออก,จ้องมองอย่างระมัดระวัง,กล่าวออกมาในใจ,”ด้วยท่าทางสง่างาม,ควรจะได้รับการศึกษาสูง,นอกจากนี้ยังมีสกุลว่าหลงอีก,สถานะคงจะไม่ธรรมดา!”
หลังจากครุ่นคิดอย่างง่าย
ๆ,เขาที่กล่าวสอบถามต่อ,”เพศ.”
“ชาย.”
“อายุ.”
“กำลังจะสิบหก.”
“พลังบ่มเพาะ.”
“เปิดชีพจรขั้นที่เก้า.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้สอบถามรากวิญญาณ,ขอเพียงแค่เขาชอบ,จะรากวิญญาณระดับต่ำหรือระดับสุดยอดก็หาได้มีค่าอะไร.
“ป๊าบ.”
ตราสำนักที่ปะทับบนกระดาษสมัคร.
“ติ๊ง! สมาชิกสำนัก :
103 / 500.”
“ติ๊ง!
คะแนนสนับสนุนสำนัก : 302 / 500.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ชิงหยาง,นำศิษย์น้องเล็กของเจ้าเข้าไปในสำนัก,จัดเตรียมที่อยู่,ชุดเครื่องแบบ,เอ่อ
ใช่,อย่าลืมบอกเป้าหมายสำนักและกฎสำนักให้เขาด้วย.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่นำหลงจื่อหยางเข้าไปในสำนัก.
จุนซ่างเซียวที่โคจรวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็น,ขณะรอคอยคนมาสมัครเข้าสำนัก.
จากนั้นไม่นาน,บุรุษที่รูปร่างกำยำคนหนึ่ง,ที่มีเหงื่อออกเต็มหน้าผากร่างกายเปียกโชกกล่าวออกไปว่า,”ขออภัย,ยังเปิดรับสมัครอยู่หรือไม่?”
“เปิด.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ชายหนุ่มที่ก้าวขึ้นไปบนแท่นรับสมัคร,หายใจหอบ ๆเกาะขอบโต๊ะ,”ข้าต้องการเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง.”
จุนซ่างเซียวที่สีคาง,กล่าวออกไปว่า,”ร่างกายของเจ้าเองก็ไม่เลว,ทำไมถึงได้ดูเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ล่ะ?”
“ข้า.....ข้า....”ชายนุ่มที่หายใจหอบ
ๆสูดหายใจลึก,”ข้าวิ่งมาจากเมืองฮู่หยางยังไม่ได้หยุดพักเลย.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
สำนักไท่กู่เจิ้งห่างจากเมืองฮูหยางหลายร้อยลี้,นี่วิ่งมาไม่หยุดเลย,อ๊าก
แสดงว่าร่างกายต้องแข็งแกร่งไม่น้อย.
“ชื่อ.”
“หยางยูหัว.”(หยกเลื่องลือ)
กับคนที่เต็มไปด้วยกล้ามเช่นนี้ กับมีชื่อที่งดงาม.
“อายุ.”
“อายุ 15 ปี.”
จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้นมอง,กับร่างกายและใบหน้า,ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเผยท่าทางประหลาดใจ,”นี่เจ้าอายุเพียงแค่
15 ปีเองรึ?”
หยางยูหัวเกาศีรษะไปมา,”คนอื่นบอกว่าข้าใบหน้าแก่กว่าอายุ.”
“เจ้ายังไม่แก่,ไม่ต้องกังวลใจไป.”
จุนซ่างเซียเอ่ย,”พลังบ่มเพาะ.”
หยางยูหัวที่กล่าวเสียงเบา,”เปิดชีพจรขั้นที่สาม.”
กับร่างกายที่ใหญ่โต,กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ
สามารถวิ่งมายังสำนักไท่กู่เจิ้งโดยที่ไม่พัก,กับมีพลังบ่มเพาะเพียงเปิดชีพจรขั้นที่สาม,ดูเหมือนว่าจะเติบโตเพียงร่างกาย,แต่รากวิญญาณค่อนข้างแย่.
“พี่ชาย,ข้าเข้าร่วมได้หรือไม่?”หยางยูหัวที่กล่าวเสียงอ่อน.
哥们儿 [gēmenr] จะแปลว่า พี่ชาย ลูกพี่ เพื่อนรัก
จุนซ่างเซียวที่ปั้มตราเจ้าสำนัก,ก่อนที่จะชี้ออกไป,”ไปยังตรงนั้น,จะมีคนคอยรับเจ้าอยู่.”
“ติ๊ง! สมาชิกสำนัก:
104 / 500.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน:
303 / 500.”
หยางยูหัวที่ก้าวเดินตรงไปตามทางที่ชี้,ทว่าก็หันกลับมากล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ,”ขอบคุณ,พี่ชาย!”
“ไอ้หนู.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”ข้าถือตราเจ้าสำนัก,นี่เจ้ายังเรียกข้าว่าพี่ชายอีกรึ?”
กึก.
หยางยูหัวที่หยุดกึก,หันหน้ากลับมา,ใบหน้าเปลี่ยนสี,ก่อนที่จะเริ่งรีบยกมือประสานอก,”ข้อขออภัย,ลูกพี่...อ๊า,เจ้าสำนัก! เจ้าสำนัก!”
......
มีคนที่มาลงทะเบียนเพียงแค่ไม่กี่คน.
ด้วยเหตุนี้จุนซ่างเซียวจึงรับศิษย์ได้ไม่กี่คนเท่านั้น.
วันนี้มีคนมาลงทะเบียนมากกว่าสิบคน,หากไม่นับหลงจื่อหยางและหยางยูหัว,เขารับศิษย์เพิ่มห้าคนเท่านั้น,ส่วนคนอื่นถูกปฏิเสธทั้งหมด.
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการรับ,แต่หลายคนที่แทบจะใช้การไม่ได้เลย.
ยกตัวอย่างคนสุดท้าย,คาดไม่ถึงจะมีอายุ 70-80
ปี,ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตเหลืออีกกี่ปี!
“เฮ้อ.”
“บางทีหลี่ชิงหยางคงกล่าวถูกต้อง.”
“สำหนักที่กำลังยืนอยู่บนคมดาบคมหอก,คงมีน้อยคนที่กล้ามาลงทะเบียน.
สิบวันหลังจากนั้น.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งรับศิษย์เพิ่มได้เพียง 4-6
คนเท่านั้น.
จุนซ่างเซียวมอบหมายงานให้หลี่ชิงหยางต่อ,จากนั้นก็เรียกซูเซียวโม่,เถียนซีและหลี่เฟย
สามคนมา,”หลายวันมานี้ข้าเห็นพวกเจ้าทำผลงานได้ดี,ข้าจึงมอบรางวัลน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กับทุกคนคนละขวด.”
“น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์?”
ซูเซียวโม่ที่เผยท่าทางสงสัย,”เจ้าสำนัก,หมายความว่าอย่างไร?”
“หลังจากที่ใช้มันแล้ว,เจ้าก็จะสามารถยกระดับรากวิญญาณจากระดับสามัญขึ้นไปได้อีกขั้น.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ได้ยินประโยชน์ของมัน,ทั้งสามที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต,ปากที่อ้าหว๋อไส่ไข่ไก่ได้สองฟองเลยก็ว่าได้.
ซูเซียวโม่ที่มีรากวิญญาณสามัญ,เขาจึงได้น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ระดับสามัญ,เถียนซีและลี่เฟยได้รับน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ระดับต่ำ.
ทั้งสามที่ราวกับได้สุดยอดสมบัติ,หลังจากได้รับก็ดื่มมันอย่างระมัดระวัง,รากวิญญาณของพวกเขาไม่เพียงเปลี่ยนไปในทันที,พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย,ทำให้พวกเขาตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นสองทันที.
“ลึกล้ำเกินไปแล้ว!”
ทุกคนที่ตื่นเต้นดีใจ,เจ้าสำนักจุนที่ใช้แต้มไปถึง
150 แต้ม,ตอนนี้เหลือเพียง 185 แต้มเท่านั้น.
ระบบเอ่ย,”การใช้แต้มเพื่อพวกเขาดูเสียของเล็กน้อย.”
จุนซ่างเซียวที่มองบน,กล่าวด้วยความหงุดหงิด,”เพราะนิกายเซิ่งชวน,เหล่าจื่อจึงต้องสนับสนุนศิษย์ของสำนักเต็มที,หรือเจ้ามีวิธีช่วยรึไงกัน.”
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น