Strongest Sect of All Times Chapter 106 additional deadline!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 106 additional deadline!
加个期限!
ที่ด้านนอกสำนัก,มีสตรีในชุดสีน้ำเงิน,อายุราว
ๆ16ปี,ผิวที่เนียนขาวราวกับหิมะ,ร่างกายเรียวบางสมส่วน,ใบหน้ารูปไข่,คิ้วที่โก่งโค้งราวกับกิ่งหลิว,แผ่กลิ่นอายที่สูงศักดิ์ออกมา.
กับความงามที่เผยออกมานั้น,ไม่ได้ด้อยกว่าลู่เชียนเชียนเลย.
มู่หรงซิน.
ทายาทตรงของตระกูลมู่หรงแห่งเมืองเทียนไห่.
ผู้มีรากวิญญาณระดับสุดยอด,และยังเป็นศิษย์สายตรงของอาวุโส
11 สำนักป่ายเหอเซิ่ง(ลิลลี่ศักดิสิทธิ์).
และยังมีอีกสถานะ,ก็คืออดีตคู่หมั้นของเซียวจุ้ยจื่อ.
ด้วยรูปโฉมที่งดงาม,พรสวรรค์โดดเด่น,เป็นดังธิดาที่ถูกเลือกโดยสวรรค์,การมาปรากฏตัวขึ้นที่สำนักไท่กู่เจิ้ง,เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย.
มู่หรงซินที่เงยหน้าเผยให้เห็นลำคอที่เรียวระหง,ผมสีดำที่โบกสะบัด,ดวงตาที่สุกสกาวเป็นประกายจ้องมองไปยังบุรุษที่อยู่ไกลออกไปบนหอสังเกตการณ์,พร้อมกับกล่าวออกมาเบา
ๆ,”เป็นเขาจริง ๆ.”
เมื่อไม่นานมานี้,นางกลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองเทียนไห่,ได้ยินมาว่าอดีตคู่หมั้นของนางชนะเลิศการแข่งขันงานประลองยุทธ์สำนัก,ขณะที่นางกำลังจะกลับสำนัก,อยู่ระหว่างทางจึงได้แวะมา.
เซียวจุ้ยจื่อจ้องมองไปยังมู่หรงซิน,ใบหน้าเคร่งขรึม,กล่าวออกมาว่า,”สตรีผู้นี้มาที่นี่ทำไม!”
ห้าปีที่แล้วเขายังคงจำได้ดี.
ในห้องโถงตระกูลเซียว,ต่อหน้าผู้คนมากมาย,มู่หรงซินพร้อมกับอาวุโสสำนักป่ายเหอเซิ่งกล่าวประกาศต่อผู้คน
ออกมาว่า,”ข้ามาเพื่อยกเลิกการหมั้นหมาย.”
คำพูดที่อหังการไม่แยแส,ราวกับลูกศรที่พุ่งทิ่มแทงเซียวจุ้ยจื่อ,ความเจ็บปวดเมื่อห้าปีที่แล้ว,เขาไม่เคยลืม.
แม้ว่าจะเป็นคู่หมั้น,หากแต่เซียวจุ้ยจื่อหาได้มีความรู้สึกอันใดต่อนาง,ต้องไม่ลืมว่าการหมั้นเกิดขึ้นตั้งแต่พวกเขายังเด็ก,เคยพบกันเมื่อครั้งเป็นเด็กเท่านั้น.
แต่แล้วสตรีผู้นี้ได้มาประกาศถอนหมั้นต่อหน้าคนจำนวนมาก,เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างโหดร้ายทารุณ.
กับพรสวรรค์ที่ถดถอยจนทำให้ตัวเองกลายเป็นขยะ,ทำให้เขา
ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น.
พร้อมกันนี้ยังถูกไล่ออกจากตระกูล,เขาก็ทำได้แค่ตอบรับอย่างเงียบ
ๆเท่านั้น.
เป็นเรื่องยากลำบากเกินจะรับ,ที่ตัวเขาต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้าย
แม้แต่คู่หมั้นยังเหยียบย่ำซ้ำเติม,ทั้งที่เขาแทบจมดินอยู่แล้ว,แต่นางยังกระทืบซ้ำให้เขาลงไปในนรกอีก.
เห็นมู่หรงซินอีกครั้ง,เขายังจำท่าทางโอหังของนางในวันนั้นได้,เซียวจุ้ยจื่อต้องการจะเล็งลำกล้องสไนเปอร์ไรเฟิล,พร้อมกับลั่นไกใส่นางจริง
ๆ.
“กึก ซี่.”
ในเวลานั้น,ประตูบานคู่สีแดงก็ถูกเปิดออก,ซูเซียวโม่ที่ก้าวออกไปและเอ่ยออกมาว่า,”แม่นางมู่หรง,เชิญด้านใน.”
มู่หรงซินขมวดคิ้วเอ่ยออกมาว่า,”ไม่ใช่เจ้าสำนัก
ต้องออกมาต้อนรับหรอกรึ?”
น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเจ้ายศอหังการ.
นางมีคุณสมบัติพอที่จะอหังการ,ต้องไม่ลืมว่านางคือทายาทสายตรงของตระกูลมู่หรง,การเดินทางมายังมนทลชิงหยาง,มีสำนักระดับสูงมากมายต่างเดินทางตบเท้าของเข้าพบ
แม้แต่ต้องการต้อนรับด้วยซ้ำ.
ถึงจะเป็นนิกายเขาซางซานเองก็ต้องต้อนรับอย่างมีมารยาท,นั่นก็เพราะนางเป็นศิษย์นิกายป่ายเหอเซิ่งนั่นเอง.
อั๊ยยะ,เฮ้ย ๆ.
ผู้หญิงคนนี้ หยิ่งไปหรือไม่?
ซูเซียวโม่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด,”แม่นางมู่หรง,เป็นเพียงทายาทตระกูลมู่หลง,ทำไมต้องให้เจ้าสำนักข้าออกมามาต้อนรับด้วยตัวเองด้วย?”
ประมุข,เจ้าสำนัก,มีสถานะเทียบเท่ากัน.
แค่ทายาทของตระกูลมาเยือน,มีเหตุอันใดต้องให้ประมุขออกมาต้อนรับกัน.
“ไม่เข้ามาอย่างงั้นรึ?”
ซูเซียวโม่ที่ทนไม่ไหว,”ไม่เข้ามา,ข้าจะปิดประตูแล้ว.”
“ชิ.”
มู่หริงซินแค่นเสียงเย็นชา,ก้าวเข้ามาด้านใน,หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความโกรธา,ลอบคิดในใจ,”สำนักระดับเก้า,ช่างโอหังจริง
ๆ.”
หลังจากที่นางก้าวเข้ามาด้านใน,พื้นที่ลานด้านนอกที่ใหญ่โตโอ่อ่า,ส่องประกายแสงระยิบระยับ,พื้นห้องโถงที่ถูกปูด้วยหยกประดับประดาด้วยทองคำ,ทำให้นางเผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,ร่ำรวยขนาดนี้เลยรึ?.”
“แต่....”
นางที่จ้องมองไปยังลานยุทธ์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน,”ศิษย์พรสวรรค์ธรรมดา,พลังฝึกตนต่ำ,สำนักหรูหราแล้วไง,สุดท้ายก็แค่พวกระดับต่ำ.”
จากท่าทางยะโสโอหัง,ทำให้จุนซ่างเซียวพอคาดเดาได้ว่า,นางคงมาร้ายมากกว่าดีแน่!
......
ภายในห้องโถง.
มู่หรงซินที่ก้าวเข้ามา,เห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวนั่งอยู่บนสุด,จึงกล่าวออกมาเล็กน้อย,”เจ้านะรึ?เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง?”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวที่วางข้อศอกบนพนักพิง,นิ้วทั้งสิบที่เคาะเบา
ๆ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เปิ่นจั้วได้ยินมาว่าคู่หมั้นของศิษย์ข้า มีความงามที่เลิศล้ำ,เห็นตัวจริงวันนี้,ควรคู่กับชื่อเสียงที่กล่าวขวัญมาก.”
หลี่ชิงหยางที่มุมปากกระตุก.
เจ้าสำนักของข้า,จงใจเอ่ยคำว่าคู่หมั้นเต็มปากเต็มคำ,ไม่ใช่เป็นการยั่วยุนางให้โกรธเกรี้ยวหรอกรึ?!
เป็นความจริง.
ใบหน้าที่ประณีตของมู่หรงซินที่กลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”เจ้าสำนักจุน,ข้าไม่ได้เป็นคู่หมั้นของเซียวจุ้ยจื่อแล้ว,โปรดอย่าได้กล่าวถึงเรื่องไร้สาระอีก.”
“โอ้ว,ใช่,ใช่แล้ว.”จุนซ่างเซียวที่ยกมือตบหน้าผากของตัวเอง,ส่ายหน้าทำท่าทางครุ่นคิดกล่าวออกมาว่า,”เปิ่นจั้วลืมไปเลย,ว่าศิษย์ของข้าและแม่นางมู่หรงไม่ได้หมั้นหมายกันอีกแล้ว,เฮ้อ,แก่แล้ว,ความจำไม่ดี.”
เป็นการแถที่ทำให้บรรยากาศอึดอัดอึมครึมขึ้นมา.
“แม่นางมู่หรง.”
จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนหัวข้อในทันที,”เช่นนั้นเดินทางมายังสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า,มีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ได้มีธุระอันใด.”มู่หรงซินที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล”ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ของ
เจ้าสำนักจุนได้สี่ลำดับแรกในงานประลองยุทธ์สำนัก,ผ่านทางมา,ข้าจึงต้องการมาเห็นว่ามีความแตกต่างพิเศษอันใด.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เป็นเช่นนี้นี่เอง,ชิงหยาง,ไปเรียกศิษย์น้องเซียวของเจ้า,ให้เป็นเพื่อนแม่นางมู่หรง,เยี่ยมชมสำนักไท่กู่เจิ้งของเรา.”
หลี่ชิงหยางแทบล้มคว่ำไปกับพื้นเหมือนกัน.
“เจ้าสำนัก.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ปรากฎขึ้นที่หน้าประตู,กล่าวออกมาว่า,”ศิษย์อยู่นี่แล้ว.”
......
ที่ด้านหลังเขาส่วนหนึ่ง,มีป่าท้ออยู่.
มู่หรงซินที่ยืนอยู่ด้านหน้าต้นท้อต้นหนึ่ง,มือที่เรียวงามประณีตของนางบรรจงเด็ดดอกท้อกิ่งหนึ่งออกมาอย่างนุ่มนวล.
เซียวจุ้ยจื่อที่นั่งอยู่บนศิลาก้อนหนึ่ง,ที่ด้านหลังยังคงสะพายสไนเปอร์ไรเฟิลรูปแบบ
88,ไม่ให้ห่างกาย.
สตรีผู้งดงามไร้ที่เปรียบ,บุรุษที่หล่อเหลาไม่ธรรมดา,คล้ายกับเป็นคู่กิ่งทองใบใหญ่ที่สวรรค์และปฐพี
สรรสร้างเป็นอย่างมาก.
ช่างน่าเสียดาย.
มันไม่ได้เป็นดั่งภาพที่เห็น,ลึกลงไปนั้นมีกลิ่นอายที่อักอ่วนอย่างลึกล้ำแผ่ออกมาอยู่.
ผ่านไปนานเหมือนกัน.
มู่หลงซินที่ยืนมือไพล่หลัง,จ้องมองไปยังเซียวจุ้ยจื่อ,กล่าวออกมาว่า,”ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถเปิดชีพจรได้หรอกรึ?”
กับท่าทางถ่อมตน,ไม่มีความยโสโอหังเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย.
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล”แม่นางมู่หรง,ข้าไม่สามารถเปิดชีพจรได้,บางที,ข้านั้นช่างต้อยต่ำ,น้อยนิดไม่คู่ควรจะยืนต่อหน้าเจ้าด้วยซ้ำ.”
มู่หรงซินที่เงียบไปชั่วครู่,เปลี่ยนหัวข้อทันที,”ข้าเคยบอกกับท่านปู่ในอดีต,ให้ยกเลิกเรื่องการแต่งงานของพวกเรา,แต่เขาไม่เห็นด้วย,ดังนั้น,อย่าได้ตำหนิข้า,ที่ข้าตัดสินใจโดยไม่ขอความเห็นของตระกูลเซียวในการยกเลิกการหมั้นหมายในครั้งนั้น.”
“และ......”
นางที่หยุดเม้มริมฝีปาก กล่าวออกมาว่า,”ข้าไม่รู้เลยจริง
ๆ,ว่ารากวิญญาณและพลังบ่มเพาะของเจ้าถดถอย,ข้าไม่รู้สถานการณ์ภายในตระกูลเจ้าในเวลานั้น.”
เซียวจุ้ยจื่อกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว,ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายต่อข้า.”
มู่หรงซินที่นำกิ่งดอกท้อออกมา,ก่อนที่จะเริ่มเด็ดดอกของมันออกและกล่าวออกมาว่า,”ห้าปีที่ผ่านมา,คนอื่น
ๆต่างก็คิดว่าข้ามู่หรงซิน,เพราะว่าคู่หมั้นไม่มีรากวิญญาณและพลังบ่มเพาะ,จึงได้เดินทางไปยังตระกูลเซียวเพื่อขอยกเลิกการหมั้น.”
กล่าวเสร็จ,นางที่ล้วงขวดหยกขวดหนึ่งออกมาพร้อมกับยื่นออกไป,”ด้านในนี้มีเม็ดยาทะลวงเส้นปราณสิบเม็ด,บางทีอาจจะทำให้เจ้าเปิดชีพจรได้,เวลานั้นข้ายังเด็กและหุนหันพลันแล่น,ข้ามอบให้เจ้าเพื่อชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้น.”
“นี่เจ้าเวทนาข้าอย่างงั้นรึ?”เซียวจุ้ยจื่อกล่าว.
มู่หรงซินเงียบไม่กล่าวอะไร.
เซียวจุ้ยจื่อที่กล่าวดูถูกตัวเอง,”มู่หรงซินเจ้าคือธิดาที่สวรรค์โปรดปราณ,ส่วนข้าเซียวจุ้ยจื่อคือขยะ,พวกเราไม่มีทางที่จะเป็นสหายกันได้,เม็ดยาทะลวงปราณโปรดนำมันกลับไปเถอะ.”
“ฟิ้ว-“ฟุตบอลแห่งความสุขพุ่งตรงมากระแทกของเขา,จากนั้นเสียงดุของจุนซ่างเซียวก็ดังขึ้น,”เอาไปเล่นไกล
ๆจากตรงนี้!”
“ฟรุบ!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ลุกขึ้นยืน,หมัดทั้งสองข้างที่กำแน่น,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”มู่หรงซิน,ห้าปีที่แล้วเจ้าได้มอบความอับอายให้กับข้า,ไม่ช้าก็เร็ว,สักวันหนึ่งข้าจะไปยังสำนักป่ายเหอเซิ่งของเจ้าบ้าง!”
“กำหนดเวลาด้วย!”เสียงของจุนซ่างเซียวดังขึ้น.
“สิบปี!”
“นานไป!”
“เก้า...”
“ดี,สามปี!”
เซียวจุ้ยจื่อ” ......”
มู่หรงซินที่ลูบผมยาว,กล่าวด้วยรอยยิ้ม,”สามปีหลังจากนี้,เจ้าจะไปพบข้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่งอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
เซียวจุ้ยจื่อที่จ้องมองด้วยแววตาเย็นชากล่าวออกมาว่า,”หลังจากนี้สามปี,ข้าจะนำจดหมายตัดขาด,มอบให้เจ้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่ง,บอกกับทุกคน,ว่าข้าเซียวจุ้ยจื่อและมู่หรงซินไม่ได้เป็นคู่หมั้นกัน!”
แววตาของมู่หรงซินที่ตกใจเล็กน้อย.
นางที่เพิ่งเคยเห็นแววตาของบุรุษที่หนักแน่นมั่นคง,ถึงแม้นว่าในอดีตจะเคยพบกัน,เมื่อครั้งเขามีพรสวรรค์,ก็ไม่เคยมี.
“สามปี.”
มู่หรงซินกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ดี,ข้าจะรอเจ้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่ง.”
กล่าวเสร็จนางที่หันหลังก้าวเดินจากไป,สายลมที่พัดกลีบดอกท้อให้กระจายลอยฟุ้งบนอากาศ,สายลมเอื่อย
ๆ และแสดงแดดสะท้อนดอกท้อ,ทำให้พื้นที่รอบ ๆดูงดงามตระกาลตาแต่อารมณ์ของคนที่อยู่กับอึมครึมมืดมิด.
“แม่นางมู่หรง.”
เสียงของจุนซ่างเซียวที่ดังก้องตามหลังนาง,”ไว้พบกันใหม่.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น