วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 106 additional deadline!

Strongest Sect of All Times  Chapter 106 additional deadline!

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 106 additional deadline!

加个期限!

 

ที่ด้านนอกสำนัก,มีสตรีในชุดสีน้ำเงิน,อายุราว ๆ16ปี,ผิวที่เนียนขาวราวกับหิมะ,ร่างกายเรียวบางสมส่วน,ใบหน้ารูปไข่,คิ้วที่โก่งโค้งราวกับกิ่งหลิว,แผ่กลิ่นอายที่สูงศักดิ์ออกมา.

กับความงามที่เผยออกมานั้น,ไม่ได้ด้อยกว่าลู่เชียนเชียนเลย.

มู่หรงซิน.


ทายาทตรงของตระกูลมู่หรงแห่งเมืองเทียนไห่.

ผู้มีรากวิญญาณระดับสุดยอด,และยังเป็นศิษย์สายตรงของอาวุโส 11 สำนักป่ายเหอเซิ่ง(ลิลลี่ศักดิสิทธิ์).

และยังมีอีกสถานะ,ก็คืออดีตคู่หมั้นของเซียวจุ้ยจื่อ.

ด้วยรูปโฉมที่งดงาม,พรสวรรค์โดดเด่น,เป็นดังธิดาที่ถูกเลือกโดยสวรรค์,การมาปรากฏตัวขึ้นที่สำนักไท่กู่เจิ้ง,เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย.

มู่หรงซินที่เงยหน้าเผยให้เห็นลำคอที่เรียวระหง,ผมสีดำที่โบกสะบัด,ดวงตาที่สุกสกาวเป็นประกายจ้องมองไปยังบุรุษที่อยู่ไกลออกไปบนหอสังเกตการณ์,พร้อมกับกล่าวออกมาเบา ๆ,”เป็นเขาจริง ๆ.”

เมื่อไม่นานมานี้,นางกลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองเทียนไห่,ได้ยินมาว่าอดีตคู่หมั้นของนางชนะเลิศการแข่งขันงานประลองยุทธ์สำนัก,ขณะที่นางกำลังจะกลับสำนัก,อยู่ระหว่างทางจึงได้แวะมา.

เซียวจุ้ยจื่อจ้องมองไปยังมู่หรงซิน,ใบหน้าเคร่งขรึม,กล่าวออกมาว่า,”สตรีผู้นี้มาที่นี่ทำไม!

ห้าปีที่แล้วเขายังคงจำได้ดี.

ในห้องโถงตระกูลเซียว,ต่อหน้าผู้คนมากมาย,มู่หรงซินพร้อมกับอาวุโสสำนักป่ายเหอเซิ่งกล่าวประกาศต่อผู้คน ออกมาว่า,”ข้ามาเพื่อยกเลิกการหมั้นหมาย.”

คำพูดที่อหังการไม่แยแส,ราวกับลูกศรที่พุ่งทิ่มแทงเซียวจุ้ยจื่อ,ความเจ็บปวดเมื่อห้าปีที่แล้ว,เขาไม่เคยลืม.

แม้ว่าจะเป็นคู่หมั้น,หากแต่เซียวจุ้ยจื่อหาได้มีความรู้สึกอันใดต่อนาง,ต้องไม่ลืมว่าการหมั้นเกิดขึ้นตั้งแต่พวกเขายังเด็ก,เคยพบกันเมื่อครั้งเป็นเด็กเท่านั้น.

แต่แล้วสตรีผู้นี้ได้มาประกาศถอนหมั้นต่อหน้าคนจำนวนมาก,เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างโหดร้ายทารุณ.

กับพรสวรรค์ที่ถดถอยจนทำให้ตัวเองกลายเป็นขยะ,ทำให้เขา ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น.

พร้อมกันนี้ยังถูกไล่ออกจากตระกูล,เขาก็ทำได้แค่ตอบรับอย่างเงียบ ๆเท่านั้น.

เป็นเรื่องยากลำบากเกินจะรับ,ที่ตัวเขาต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้าย แม้แต่คู่หมั้นยังเหยียบย่ำซ้ำเติม,ทั้งที่เขาแทบจมดินอยู่แล้ว,แต่นางยังกระทืบซ้ำให้เขาลงไปในนรกอีก.

เห็นมู่หรงซินอีกครั้ง,เขายังจำท่าทางโอหังของนางในวันนั้นได้,เซียวจุ้ยจื่อต้องการจะเล็งลำกล้องสไนเปอร์ไรเฟิล,พร้อมกับลั่นไกใส่นางจริง ๆ.

“กึก ซี่.”

ในเวลานั้น,ประตูบานคู่สีแดงก็ถูกเปิดออก,ซูเซียวโม่ที่ก้าวออกไปและเอ่ยออกมาว่า,”แม่นางมู่หรง,เชิญด้านใน.”

มู่หรงซินขมวดคิ้วเอ่ยออกมาว่า,”ไม่ใช่เจ้าสำนัก ต้องออกมาต้อนรับหรอกรึ?”

น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเจ้ายศอหังการ.

นางมีคุณสมบัติพอที่จะอหังการ,ต้องไม่ลืมว่านางคือทายาทสายตรงของตระกูลมู่หรง,การเดินทางมายังมนทลชิงหยาง,มีสำนักระดับสูงมากมายต่างเดินทางตบเท้าของเข้าพบ แม้แต่ต้องการต้อนรับด้วยซ้ำ.

ถึงจะเป็นนิกายเขาซางซานเองก็ต้องต้อนรับอย่างมีมารยาท,นั่นก็เพราะนางเป็นศิษย์นิกายป่ายเหอเซิ่งนั่นเอง.

อั๊ยยะ,เฮ้ย ๆ.

ผู้หญิงคนนี้ หยิ่งไปหรือไม่?

 

ซูเซียวโม่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด,”แม่นางมู่หรง,เป็นเพียงทายาทตระกูลมู่หลง,ทำไมต้องให้เจ้าสำนักข้าออกมามาต้อนรับด้วยตัวเองด้วย?”

ประมุข,เจ้าสำนัก,มีสถานะเทียบเท่ากัน.

แค่ทายาทของตระกูลมาเยือน,มีเหตุอันใดต้องให้ประมุขออกมาต้อนรับกัน.

“ไม่เข้ามาอย่างงั้นรึ?”

ซูเซียวโม่ที่ทนไม่ไหว,”ไม่เข้ามา,ข้าจะปิดประตูแล้ว.”

“ชิ.”

มู่หริงซินแค่นเสียงเย็นชา,ก้าวเข้ามาด้านใน,หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความโกรธา,ลอบคิดในใจ,”สำนักระดับเก้า,ช่างโอหังจริง ๆ.”

หลังจากที่นางก้าวเข้ามาด้านใน,พื้นที่ลานด้านนอกที่ใหญ่โตโอ่อ่า,ส่องประกายแสงระยิบระยับ,พื้นห้องโถงที่ถูกปูด้วยหยกประดับประดาด้วยทองคำ,ทำให้นางเผยท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,ร่ำรวยขนาดนี้เลยรึ?.”

“แต่....”

นางที่จ้องมองไปยังลานยุทธ์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน,”ศิษย์พรสวรรค์ธรรมดา,พลังฝึกตนต่ำ,สำนักหรูหราแล้วไง,สุดท้ายก็แค่พวกระดับต่ำ.”

จากท่าทางยะโสโอหัง,ทำให้จุนซ่างเซียวพอคาดเดาได้ว่า,นางคงมาร้ายมากกว่าดีแน่!

......

ภายในห้องโถง.

มู่หรงซินที่ก้าวเข้ามา,เห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวนั่งอยู่บนสุด,จึงกล่าวออกมาเล็กน้อย,”เจ้านะรึ?เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง?”

“ไม่ผิด.”

จุนซ่างเซียวที่วางข้อศอกบนพนักพิง,นิ้วทั้งสิบที่เคาะเบา ๆ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เปิ่นจั้วได้ยินมาว่าคู่หมั้นของศิษย์ข้า มีความงามที่เลิศล้ำ,เห็นตัวจริงวันนี้,ควรคู่กับชื่อเสียงที่กล่าวขวัญมาก.”

หลี่ชิงหยางที่มุมปากกระตุก.

เจ้าสำนักของข้า,จงใจเอ่ยคำว่าคู่หมั้นเต็มปากเต็มคำ,ไม่ใช่เป็นการยั่วยุนางให้โกรธเกรี้ยวหรอกรึ?!

เป็นความจริง.

ใบหน้าที่ประณีตของมู่หรงซินที่กลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”เจ้าสำนักจุน,ข้าไม่ได้เป็นคู่หมั้นของเซียวจุ้ยจื่อแล้ว,โปรดอย่าได้กล่าวถึงเรื่องไร้สาระอีก.”

“โอ้ว,ใช่,ใช่แล้ว.”จุนซ่างเซียวที่ยกมือตบหน้าผากของตัวเอง,ส่ายหน้าทำท่าทางครุ่นคิดกล่าวออกมาว่า,”เปิ่นจั้วลืมไปเลย,ว่าศิษย์ของข้าและแม่นางมู่หรงไม่ได้หมั้นหมายกันอีกแล้ว,เฮ้อ,แก่แล้ว,ความจำไม่ดี.”

เป็นการแถที่ทำให้บรรยากาศอึดอัดอึมครึมขึ้นมา.

“แม่นางมู่หรง.”

จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนหัวข้อในทันที,”เช่นนั้นเดินทางมายังสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า,มีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”

“ไม่ได้มีธุระอันใด.”มู่หรงซินที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล”ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ของ เจ้าสำนักจุนได้สี่ลำดับแรกในงานประลองยุทธ์สำนัก,ผ่านทางมา,ข้าจึงต้องการมาเห็นว่ามีความแตกต่างพิเศษอันใด.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เป็นเช่นนี้นี่เอง,ชิงหยาง,ไปเรียกศิษย์น้องเซียวของเจ้า,ให้เป็นเพื่อนแม่นางมู่หรง,เยี่ยมชมสำนักไท่กู่เจิ้งของเรา.”

หลี่ชิงหยางแทบล้มคว่ำไปกับพื้นเหมือนกัน.

“เจ้าสำนัก.”

เซียวจุ้ยจื่อที่ปรากฎขึ้นที่หน้าประตู,กล่าวออกมาว่า,”ศิษย์อยู่นี่แล้ว.”

......

ที่ด้านหลังเขาส่วนหนึ่ง,มีป่าท้ออยู่.

มู่หรงซินที่ยืนอยู่ด้านหน้าต้นท้อต้นหนึ่ง,มือที่เรียวงามประณีตของนางบรรจงเด็ดดอกท้อกิ่งหนึ่งออกมาอย่างนุ่มนวล.

เซียวจุ้ยจื่อที่นั่งอยู่บนศิลาก้อนหนึ่ง,ที่ด้านหลังยังคงสะพายสไนเปอร์ไรเฟิลรูปแบบ 88,ไม่ให้ห่างกาย.

สตรีผู้งดงามไร้ที่เปรียบ,บุรุษที่หล่อเหลาไม่ธรรมดา,คล้ายกับเป็นคู่กิ่งทองใบใหญ่ที่สวรรค์และปฐพี สรรสร้างเป็นอย่างมาก.

ช่างน่าเสียดาย.

มันไม่ได้เป็นดั่งภาพที่เห็น,ลึกลงไปนั้นมีกลิ่นอายที่อักอ่วนอย่างลึกล้ำแผ่ออกมาอยู่.

ผ่านไปนานเหมือนกัน.

มู่หลงซินที่ยืนมือไพล่หลัง,จ้องมองไปยังเซียวจุ้ยจื่อ,กล่าวออกมาว่า,”ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถเปิดชีพจรได้หรอกรึ?”

กับท่าทางถ่อมตน,ไม่มีความยโสโอหังเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย.

เซียวจุ้ยจื่อเอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล”แม่นางมู่หรง,ข้าไม่สามารถเปิดชีพจรได้,บางที,ข้านั้นช่างต้อยต่ำ,น้อยนิดไม่คู่ควรจะยืนต่อหน้าเจ้าด้วยซ้ำ.”

มู่หรงซินที่เงียบไปชั่วครู่,เปลี่ยนหัวข้อทันที,”ข้าเคยบอกกับท่านปู่ในอดีต,ให้ยกเลิกเรื่องการแต่งงานของพวกเรา,แต่เขาไม่เห็นด้วย,ดังนั้น,อย่าได้ตำหนิข้า,ที่ข้าตัดสินใจโดยไม่ขอความเห็นของตระกูลเซียวในการยกเลิกการหมั้นหมายในครั้งนั้น.”

“และ......”

นางที่หยุดเม้มริมฝีปาก กล่าวออกมาว่า,”ข้าไม่รู้เลยจริง ๆ,ว่ารากวิญญาณและพลังบ่มเพาะของเจ้าถดถอย,ข้าไม่รู้สถานการณ์ภายในตระกูลเจ้าในเวลานั้น.”

เซียวจุ้ยจื่อกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว,ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายต่อข้า.”

มู่หรงซินที่นำกิ่งดอกท้อออกมา,ก่อนที่จะเริ่มเด็ดดอกของมันออกและกล่าวออกมาว่า,”ห้าปีที่ผ่านมา,คนอื่น ๆต่างก็คิดว่าข้ามู่หรงซิน,เพราะว่าคู่หมั้นไม่มีรากวิญญาณและพลังบ่มเพาะ,จึงได้เดินทางไปยังตระกูลเซียวเพื่อขอยกเลิกการหมั้น.”

กล่าวเสร็จ,นางที่ล้วงขวดหยกขวดหนึ่งออกมาพร้อมกับยื่นออกไป,”ด้านในนี้มีเม็ดยาทะลวงเส้นปราณสิบเม็ด,บางทีอาจจะทำให้เจ้าเปิดชีพจรได้,เวลานั้นข้ายังเด็กและหุนหันพลันแล่น,ข้ามอบให้เจ้าเพื่อชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้น.”

“นี่เจ้าเวทนาข้าอย่างงั้นรึ?”เซียวจุ้ยจื่อกล่าว.

มู่หรงซินเงียบไม่กล่าวอะไร.

เซียวจุ้ยจื่อที่กล่าวดูถูกตัวเอง,”มู่หรงซินเจ้าคือธิดาที่สวรรค์โปรดปราณ,ส่วนข้าเซียวจุ้ยจื่อคือขยะ,พวกเราไม่มีทางที่จะเป็นสหายกันได้,เม็ดยาทะลวงปราณโปรดนำมันกลับไปเถอะ.”

 

“ฟิ้ว-“ฟุตบอลแห่งความสุขพุ่งตรงมากระแทกของเขา,จากนั้นเสียงดุของจุนซ่างเซียวก็ดังขึ้น,”เอาไปเล่นไกล ๆจากตรงนี้!

“ฟรุบ!

เซียวจุ้ยจื่อที่ลุกขึ้นยืน,หมัดทั้งสองข้างที่กำแน่น,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”มู่หรงซิน,ห้าปีที่แล้วเจ้าได้มอบความอับอายให้กับข้า,ไม่ช้าก็เร็ว,สักวันหนึ่งข้าจะไปยังสำนักป่ายเหอเซิ่งของเจ้าบ้าง!

“กำหนดเวลาด้วย!”เสียงของจุนซ่างเซียวดังขึ้น.

“สิบปี!

“นานไป!

“เก้า...”

“ดี,สามปี!

เซียวจุ้ยจื่อ” ......”

มู่หรงซินที่ลูบผมยาว,กล่าวด้วยรอยยิ้ม,”สามปีหลังจากนี้,เจ้าจะไปพบข้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่งอย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”

เซียวจุ้ยจื่อที่จ้องมองด้วยแววตาเย็นชากล่าวออกมาว่า,”หลังจากนี้สามปี,ข้าจะนำจดหมายตัดขาด,มอบให้เจ้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่ง,บอกกับทุกคน,ว่าข้าเซียวจุ้ยจื่อและมู่หรงซินไม่ได้เป็นคู่หมั้นกัน!

แววตาของมู่หรงซินที่ตกใจเล็กน้อย.

นางที่เพิ่งเคยเห็นแววตาของบุรุษที่หนักแน่นมั่นคง,ถึงแม้นว่าในอดีตจะเคยพบกัน,เมื่อครั้งเขามีพรสวรรค์,ก็ไม่เคยมี.

“สามปี.”

มู่หรงซินกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ดี,ข้าจะรอเจ้าที่นิกายป่ายเหอเซิ่ง.”

กล่าวเสร็จนางที่หันหลังก้าวเดินจากไป,สายลมที่พัดกลีบดอกท้อให้กระจายลอยฟุ้งบนอากาศ,สายลมเอื่อย ๆ และแสดงแดดสะท้อนดอกท้อ,ทำให้พื้นที่รอบ ๆดูงดงามตระกาลตาแต่อารมณ์ของคนที่อยู่กับอึมครึมมืดมิด.

“แม่นางมู่หรง.”

เสียงของจุนซ่างเซียวที่ดังก้องตามหลังนาง,”ไว้พบกันใหม่.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น