วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

Miracle Throne Chapter 562 Forest alliance

Miracle Throne Chapter 562 Forest alliance  

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 562

Chapter 562 Forest alliance 
พันธมิตรแห่งป่า.

ภายใต้การชักนำของเมืองฉีจี ฟูเฉิงจู่เมิ่งชิงอู๋,ท้ายที่สุดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็บรรลุข้อตกลง,เกี่ยวกับอิทธิสี่เหลียม,ซึ่งมีเมืองฉีจีอยู่ตรงกลาง,นับจากนี้เป็นต้นไปพวกเขาจะเป็นพันธมิตรที่มีกฏระเบียบบางอย่างร่วมกัน,ซึ่งจะถูกเรียกว่า,พันธมิตรแห่งป่า!

นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์,ที่กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ที่ขัดแย้งกันตลอดได้หายไป,ตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งอันเดียวกันแล้ว!



ข้อตกลงของพันธมิตรแห่งป่าที่มีอยู่ร่วมกันเป็นหลักการพื้นฐาน.

อย่างแรก,คือไม่อนุญาตให้เข้าโจมตีหรือรุกรานกันและกัน.

หลังจากที่พันธมิตรแห่งป่าได้จัดตั้งขึ้นนั้น,เมืองฉีจีจะอยู่ในการบริหารจัดการด้วยระบบของปัญญาภูติ,ซึ่งแต่ละเมืองเองก็จะมีปัญญาภูติของแต่ละเมืองควบคุมสอดส่องดูแล,ซึ่งจะมีระดับการดูแลที่มีประสิทธิภาพสูงมาก,การแบ่งแยกทรัพยากรและพื้นที่ของทุกคนอย่างชัดเจน,ห้ามไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม,และปล้นชิงพื้นที่ทรัพยากรของอีกฝ่ายด้วย.

ข้อที่สอง,หากเมืองของพันธมิตรถูกจู่โจม,เมืองอื่นๆต้องรับผิดชอบส่งกองกำลังออกไปช่วย.

หลังจากที่พันธมิตรแห่งป่าได้จัดตั้งขึ้น,แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ของเอลฟ์,พื้นที่ของยักษา,พื้นที่ของอสูรวิญญาณ,พื้นที่ของหุบเขามังกรหรือเมืองฉีจี,ทุกคนที่เป็นพันธมิตรกันนั้น,หากว่าสมาชิกของดินแดนใหนถูกคุกคาม,สมาชิกอื่นๆต้องยื่นมือออกมาช่วยเหลือ,ไม่ว่าจะเป็นเมืองใดก็ตามถูกโจมตี,จะต้องรับผิดชอบช่วยเหลือเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด,ช่วยกันสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้มั่นคง.

อย่างที่สาม,พันธมิตรแห่งป่าจะต้องก่อตั้งสภาแห่งป่าขึ้นด้วย,เพื่อใช้ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ,เรื่องภายในตลอดจนพิจารณาลงโทษผู้กระทำผิดกฏ,และปรึกษาหารือเรื่องต่างๆของที่เกิดขึ้นในกลุ่มพันธมิตร.

สภาแห่งปากนั้นจะมีผู้ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดหกตำแหน่ง,โดยมีสี่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่และเฉิงจู่และฟูเฉิงจู่เมืองฉีจี,สภาแห่งป่านั้นจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด,โดยจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาสามหน่วย,ศาลยุติธรรมแห่งป่า,ศาลนิติบัญญัติแห่งป่า,และศาลอนุญาโตตุลาการ.

ศาลยุติธรรมแห่งป่า,จะเป็นหน่วยงามที่จะบังคับใช้กฎหมายที่ได้จากศาลนิติบัญญัติในการใช้ปกครองเมืองนั้นๆ,หลักๆคือจะต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนในเมืองนั้น,ควบคุมการกระทำของประชากร,ดำเนินการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีความ,ป้องกันอาญากรรมในพื้นที่นั้นๆ,โดยจะมีองค์กรที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย,แน่นอนว่าจะมีเผ่าพันธุ์หลากหลายแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่,ตลอดจนกฎหมายในแต่ละพื้นที่เองก็จะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม,ศาลยุติธรรมนี้จะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมทุกคนและพิจารณาคดีความต่างๆที่เกิดขึ้น.

ศาลนิติบัญญัติแห่งป่า,หน่วยงานนี้จะรับผิชอบในการตรากฏหมาย,ซึ่งการจะตรากฎหมายนั้นจะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง,และกฎหมายต่างๆที่ตราขึ้นมานั้น,จะต้องไม่ละเมิดข้อตกลงหลักของพันธมิตรแห่งป่า,และกฎหมายดังกล่าวนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเผ่าและภูมิประเทศที่แตกต่างกันไป.

ศาลอนุญาโตตุลาการแห่งป่า,หน่วยงานนี้จะเป็นหน่วยงานที่จะพิจารณาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเมือง,ความขัดแย้งระหว่างพันธมิตร,ซึ่งจะมีเฉิงจู่เป็นผู้รับผิดชอบในการนำเรื่องที่ผิดกฎหมายนี้ขึ้นมาร้องขอให้พิจารณา,และทำการส่งตรงๆปยังสภาแห่งป่า,ซึ่งศาลอนุญาโตตุลาการนี้เป็นหน่วยงานที่จะเป็นการรับประกันความเป็นธรรม,กับทุกฝ่าย,ซึ่งจะเป็นการชี้ขาดความผิดต่างๆ,ตลอดจนดูแลกำกับเมืองต่างๆและกลุ่มอิทธิพลไม่ให้เกิดกระทบกระทั่งกัน,ซึ่งสามารถที่จะส่งเรื่องแจ้งเตือนก่อนล่วงหน้าเพื่อยับและสลายความขัดแย้งก่อนได้.

เมิ่งชิงอู๋ที่ราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างกฎหมายต่างๆเพื่อมาบังคับใช้.

การประชุมครั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างโครงสร้างของศาลทั้งสาม,เพื่อแบ่งแยกภาระหน้าที่ที่ต้องทำอย่างชัดเจน,และหน้าที่ของแต่ละคนทีจะต้องดูแล,สร้างบรรทัดฐานต่างๆที่มีร่วมกัน,และสร้างกฏระเบียบของแต่ละเมืองให้เป็นมาตรฐาน,สร้างกฎหมายให้ทุกพื้นที่ทุกดินแดนให้ประชาชนยอมรับ,ระบบของพันธมิตรแห่งป่านั้น,หากว่าสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ล่ะก็,จะทำให้สามารถยกระดับการพัฒนาป่าแห่งความวุ่นวายไปไกลเลยทีเดียว.

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ที่ได้ลงสนธิสัญญาร่วมกัน.

เวลานี้พันธมิตรแห่งป่าได้ถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว!

เมิ่งชิงอู๋ที่เห็นเรื่องดังกล่าวเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง,ทำให้ภายในใจของนางผ่อนคลายมาก,การร่วมกันลงนามของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่,หลักๆแล้วเป็นความต้องการของเมืองฉีจีที่ได้สร้างขึ้นมา,เมิ่งชิงอู๋ตระหนักดีว่า,เมืองฉีจีในเวลานี้นับว่าอ่อนแอเป็นอย่างมาก,การสร้างสนธิสัญญาณนี้ไม่สามารถที่จะใช้กำลังเข้าช่วยได้เลย,ซ้ำหากว่ามีการฝ่าฝืนละเมิดผลประโยชน์กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ พันธมิตรก็พร้อมที่จะถอยออกมาอย่างไม่ลังเลเลย.

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้.

ตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ต้องการเมืองฉีจี.

จึงทำให้พันธมิตรแห่งป่านั้น จะไม่พังทลายในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน.

เมิ่งชิงอู๋เชื่อว่าเมืองฉีจีนั้นอ่อนแอแค่ชั่วคราว,หลังจากที่พันธมิตรแห่งป่าได้สร้างขึ้นแล้ว,แม้แต่ยักษ์ใหญ่ต่างๆ,คงจะสั่นสะเทือนไปทั่วป่า,กลุ่มอิทธิพลอิสระและเมืองไม่ขึ้นกับใคร,เพื่อผลประโยชน์และความปลอดภัยแล้ว,แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องสนใจเข้าร่วมอย่างแน่นอน.

พันธมิตรแห่งป่านั้นไม่ได้คิดว่าพันธมิตรจะต้องมีแค่กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ทั้งสี่นี่เท่านั้น,ทั้งกลุ่มขนาดกลางและขนาดใหญ่,จะมีอีกมากกว่า 300 เมืองที่มีความสนใจ,ซึ่งตอนนี้หนึ่งในสามของเมืองทั้งหมดในป่าแห่งความวุ่นวายภายใต้กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ได้เข้าร่วมแล้วนั่นเอง.

การร่วมมือกันระหว่างเมืองฉีจีและกลุ่มพันธมิตรทั้งสี่นั้น,มีความสำคัญสร้างผลกระทบขนาดใหน? หากว่าคาดเดาไม่ผิดพวกเขาจะสามารถรวมเมืองต่างๆ หนึ่งร้อยถึงสองร้อยเมืองเข้าด้วยกันในไม่ช้า,ด้วยการร่วมมือกันของสี่ผู้ยิ่งใหญ่,แน่นอนว่าเหล่าเมืองอื่นๆที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวย่อมมีความสนใจในพันธมิตรอย่างไม่ต้องสงสัย.

และสถานะของเมืองฉีจีที่จะยืนอยู่ในอันดับต้นๆ.

พวกเขาที่ต้องการร่มเงาจากพันธมิตรแห่งป่า,ทว่าไม่ได้ต้องการที่จะต้องการที่หลบภัยจากเมืองฉีจี,แต่ในความเป็นจริงแล้วท้ายที่สุดคนที่นำทุกคนอยู่ก็คือเฉิงจู่เมืองฉีจี.

เมืองฉีจีนั้นมีผลประโยชน์มากมาย,แน่นอนว่าผลประโยชน์โดยปรกติแล้วสามารถที่จะช่วงชิงมาได้โดยง่าย,ทว่าเมืองฉีจีนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงกว่านั้น,สิ่งที่ร้ายกายที่สุดในโลกแห่งนี้หาได้ใช่พละกำลัง,สิ่งที่ทรงพลังที่สุดนั้นคือภูมิปัญญา,เมืองฉีจีถึงแม้ว่าจะมีอิทธิพลเล็กๆ,ทว่าก็สามารถที่จะเพิ่มจำนวนเมืองพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ,ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งสามารถให้ผลประโยชน์ที่ทุกคนได้รับร่วมกัน,พันธมิตรของพวกเขาก็จะยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ,ซึ่งจะทำให้อิทธิพลของพวกเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

นี่คือรูปแบบหนึ่งในการพัฒนาเป็นการสร้างความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีร่วมกันกับพันธมิตรทั้งหมด.

ท่านหญิงนั้นก็มีแนวคิดเดียวกับฉู่เทียน,นางที่ไม่ได้ต้องการควบคุมทุกคน,ไม่ได้ต้องการสร้างพลังอำนาจด้วยการขยายพื้นที่หรือล่าอาณานิคมไปทุกแห่ง,เพราะว่าเมืองฉีจีไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น,พวกเขาที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี,ทำไมจะต้องยึดครองพวกเขาด้วยล่ะ? เป็นการดีกว่าคือช่วยพัฒนาพวกเขาเพื่อเพิ่มผลประโยชน์กับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่พวกเขามี, ก็เพียงพอแล้ว!

หลังจากที่พันธมิตรแห่งป่าได้ก่อตั้งขึ้น.

เมิ่งชิงอู๋ที่ได้พูดคุยถึงเรื่องการพัฒนาต่อในทันที.

การร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่นับว่าโตวันโตคืน,ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารแห่งปาฏิหาริย์,ธนาคารยักษา,ธนาคารมังกรยักษ์,ธนาคารเบฮีมอทที่ได้จัดตั้งขึ้นในดินแดนของตนเอง,ทั้งสามธนาคารนั้นแม้ว่าจะยังไม่สามารถเทียบได้กับธนาคารเอลฟ์,ทว่าก็นับว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย,ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาเมืองต่างๆในดินแดนของตัวเองเป็นอย่างมาก.

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามนั้นมีความทะเยอทะยานสูงมาก,ตราบเท่าที่ได้รับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีจากเมืองฉี,ไม่เพียงแต่นำมาใช้ในเขตแดนของตัวเองเท่านั้น,ทว่ายังสามารถช่วยเพิ่มอำนาจให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้นอีกด้วย,ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่ภายในป่าแห่งความวุ่นวายอีกต่อไปแล้ว,พวกเขาที่เริ่มบุกเบิกออกไปเขตแดนภายนอกทวีปที่กว้างใหญ่แล้ว.

ราชาเจ้ามังกรคือผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในป่าแห่งความวุ่นวาย,ทว่าเหล่ามังกรยักษ์นั้นไม่เพียงแต่มีงานอดิเรกในการสะสมสมบัติเท่านั้น,พวกเขายังมีงานอดิเรกในการหากเงินอีกด้วย,หลังจากที่พวกเขาได้ก่อตั้งธนาคารมังกรยักษ์ขึ้นมา,ตำหนักมังกรได้ทำการลงทุนไปถึงห้าล้านศิลาก่อเกิด,เขาที่วางแผนต่างๆเหมือนกับที่เมืองฉีจีเคยทำ,ทำการสร้างคาราวานสินค้า,ทำเหมือง,และเดินทางออกนอกป่าเพื่อแสวงหาความร่ำรวย.

ส่วนเผ่ายักษาที่เทือกเขายักษา หลังจากที่ทำการก่อตั้งธนาคารยักษาแล้ว,พวกเขาเองก็ได้เตรียมเงินจำนวนมาก,ร่วมมือกับหอการค้าปาฏิหาริย์พร้อมกับสร้างอุตสาหกรรมมากมายขึ้นมา,เทือกเขายักษานั้นนอกจากเผ่ายักษาแล้วยังมีเผ่าครึ่งยักษ์และเผ่าคนแคระหลายพันล้านคน,พวกเขาที่ทำการสร้างผลผลิตงานหัตกรรมระดับสูงเพื่อนำออกไปขายทั่วทั้งทวีป,แน่นอนว่าทรัพยากรของเทือกเขายักษานั้นมากมาย,พวกเขาสามารถที่จะสร้างสินค้ามากมาย,เหมืองหลายแห่งที่ไม่สามารถทำได้,ทว่าหลังจากที่ร่วมมือกับเมืองฉีจี,การทำเหมืองหลายๆแห่งก็สามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว.

ส่วนที่ราบสูงอสูรนั้นดูจะแตกต่างก็ทั้งสอง,พวกเขาที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง.

ธนาคารของเบฮีมอทของที่ราบสุงอสูรนั้นสร้างขึ้นมาก็เพื่อที่จะสนับสนุนการสร้างกองกำลังทหารมากมาย,อสูรวิญญาณมากมายที่ทำการกู้เงินเพื่อไปใช้บำรุงทหาร,เตรียมที่จะสร้างสงครามโดยเฉพาะ,นอกจากนี้ยังทำการซื้ออุปกรณ์ต่างๆมากมายจากเมืองฉีจี,พวกเขาที่ทำการซื้ออาวุธที่ทรงพลังมากมาย,เตรียมที่จะส่งออกไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก,ไล่ล่าสังหารทั้งสัตว์อสูรร้ายกาย,หรือเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย,ดินแดนป่าอื่นๆ,กำลังประเทศเล็กประเทศน้อย,พร้อมกับสร้างเมืองในปกครอง,เป็นการต่อสู้เพื่อความร่ำรวย,ประชากรของอสูรวิญญาณนั้นนับว่าเป็นกองกำลังราคาถูก,ซึ่งผู้นำของพวกเขาใช้ในการขยายดินแดนให้กับตัวเอง.

นอกจากนี้ดินแดนหนี่เกินก็เป็นอีกสถานที่ที่มีความสำคัญกับพันธมิตรแห่งป่าเป็นอย่างมาก.

ฉู่เทียนที่ส่งเหว่ยเหว่ยอันไปสร้างและปรับปรุงมิติย่อยให้กลายเป็นปราการหลบภัย,ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้,ซึ่งจะทำให้เมืองฉีจีสามารถขนส่งอาวุธพลังเวทย์ไปยังเมืองอานเห่ย,พร้อมกับทำการสร้างกองกำลังทหารเผ่าปิศาจในดินแดนหนี่เกิน,นอกจานี้ยังได้ส่งนายช่างเผ่าโนม,เพื่อทำการสำรวจค้นหาและนำทรัพยากรบนผิวโลกไปแลกเปลี่ยนกับดินแดนด้านล่าง.

โครงข่ายของเมืองฉีจีที่เหมือนกับใยแมงมุม.

เป็นโครงข่ายที่ถูกสานเข้าด้วยกันจนเริ่มซับซ้อนในทุกๆวัน,การเชื่อมต่อกับป่าแห่งความวุ่นวาย,ตลอดจนการพัฒนานั้นนับว่ามีความเร็วสูง,อย่างไรก็ตาม,ผู้ก่อตั้งฉู่เทียนตอนนี้ไม่ค่อยเห็นหัวเลย,หลายวันมานี้,เขาปิดซุ่มทำอะไรบางอย่างอยู่.

ภายใต้ฐานลับใต้ดินเมืองฉีจี.

ฉู่เทียนที่ปิดตัวอยู่ในห้องทดลอง,พยายามทำการวิจัยอย่างขะมักเขม้น,มีงานหลักๆอยู่หลายเรื่อง,เรื่องแรกคือการดึงไขกระดูออกมาจากกระดูกเทวะ,อย่างที่สองคือการนำแก่นเทพอสูรออกมากจากผลึกคลิสตัลกระดูก,อย่างที่สามคือการสร้างวงเวทย์พิเศษที่จะมีความสามารถเฉพาะในการสกัดกลั่นวัตถุดิบชั้นยอดได้.

กระดูกคลิสตัลของอสูรนั้นเขาที่ได้มาจากพระราชวังใต้ดินดินแดนหนี่เกิด,ส่วนไขกระดูกเทวะก็เป็นกระดูกที่เขาได้มากจากการเข้าร่วมทดสองหอคอยฝึกฝนแห่งรัฐกลาง,ซึ่งนี่คือวัตถุดิบชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย.

ฉู่เทียนที่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้ทั้งกระดูกเทพเจ้าและกระดูดเทพอสูรมา.

ที่ด้านในนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งของเทพอสูรที่อัดแน่นบรรจุเอาไว้,ร่างกายทั่วไปไม่สามารถที่จะทำได้,หากว่านำมาใช้ตรงๆล่ะก็อาจจะทำให้ร่างกายระเบิดฉีกขาดออกมาได้เลย,ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฉู่เทียนต้องวิจัยเรื่องนี้อย่างระเอียด,เพื่อที่จะคิดวิธีในการใช้ประโยชน์จากมันนั่นเอง.

ในความทรงจำที่เหลือของเทพบรรพกาลนั้นได้บันทึกวิธีการใช้อยู่.

พลังงานของเทพเจ้าและเทพอสูรนั้นสามารถคานกันได้,ตราบเท่าที่ค้นพบวิธีที่เหมาะสม,จะสามารถทำความเข้าใจและหาวิธีในการทำให้พลังทั้งสองปรับสมดุลกัน,เช่นนั้นร่างกายของเขาก็จะสามารถทนได้เช่นกัน.

ด้วยมีความเสี่ยงสูงมากดังนั้นจึงทำให้ฉู่เทียนทำการศึกษามาเป็นเวลานาน,ตอนนี้เขาได้ทำการเตรียมไขกระดูกของเทพและอสูรพร้อมกับวัตถุดิบหลายๆอย่างมาสกัดกลั่น,เพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายและร่างกายของเขาสามารถทนได้.

ฉู่เทียนที่ทำการศึกษาอย่างดี,ในการปรุงยาในครั้งนี้เขาได้เลือกผลไม้เทวะห้าสี,เพราะว่ามันมีพลังในการรักษาตัวเองอัตโนมัติ,หากว่าล้มเหลวก็จะช่วยลดความเสี่ยงในครั้งนี้ได้ในระดับหนึ่ง.


การปรุงยาในครั้งนี้มีความสำคัญมาก,ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ต่างก็ส่งผลกับอนาคตของฉู่เทียนเป็นอย่างมาก.




ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==>  Click


-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น