Miracle Throne Chapter 560 ancient demon remains
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 560 ซากศพอสูรบรรพกาล.
Chapter 560 ancient
demon remains
ซากศพอสูรบรรพกาล.
ทะเลสีโลหิตนั้นคือแก่นโลหิตที่หลอมละลาย,แท่นบูชาของเผ่าสวรรค์จะทำการดูดซับพลังงานมาใช้อีกคราหนึ่ง,ช่วยในการเพาะปลูกสมุนไพรล้ำค่ามากมายซึ่งจะมีเอกลักษณ์พลังของเทพอสูรแฝงอยู่ด้วย.
การที่อาถูกบังเอิญได้รับยาสมุนไพร,ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปขนาดใหญ่,เวลานี้ร่างกายของเขาคล้ายคลึงเหมือนกับเสิ่นซีไปแล้ว,แน่นอนว่าอาจจะด้อยกว่าเสิ่นซีที่แท้จริง,ทว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นไม่เพียงแต่ได้รับความแข็งแกร่งของเทพอสูร,ซ้ำร่างกายยังได้รับการวิวัฒนาการไปอีกขั้นอีกด้วย.
สัมผัสเทวะที่ถูกปล่อยออกไป!
ฉู่เทียนที่ทำการสำรวจทะเลสีชาดนั้น,ทว่าสัมผัสเทวะของเขาที่ปล่อยลงไปในทะเลสีชาด,กลับหายไปไร้ซึ่งร่องรอย,ราวกับฟองน้ำที่ถูกซับพลังดังกล่าวให้หายไป,ทั่วทั้งทะเลสาบสีชาดที่ดูสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา,ทันใดนั้นก็เกิดเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา.
ใบหน้าของหลานซือโหลวเตอที่ดูจริงจัง,"ระวังด้วย,มีบางอย่างผิดปรกติ,บางทีไม่ควรที่จะไปแตะสิ่งดังกล่าว."
บนทะเลสาบสีชาดนั้นค่อยๆปรากฏรูปร่างหลายร่างขึ้น,เป็นเหมือนกับรูปปั้นที่กำลังผุดขึ้นมาจากทะเลสาบเทวะ,พวกมันเป็นเหมือนกับปิศาจน่าเกียจ
ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,มีสามหัวหกกร,ท่าทางดูร้ายกายจนถึงที่สุด,กลิ่นอายที่ปล่อยออกมานั้นไม่ธรรมดาเลย.
ดูเหมือนว่าเศษส่วนของดวงจิตที่เหลือของเทพอสูรหลังจากผ่านมานานหลายหมื่นปีก็ค่อยๆวิวัฒนาการไป,กลายเป็นอสุรกายโลหิตเทพบรรพกาล,ที่เป็นอสูรร้ายที่ร้ายกาจขึ้นมา.
เหมือนดังจิ้งจอกน้อยเอง ก็เกิดจากแก่นของโลหิตที่หลอมรวมกันจนวิวัฒนาการเกิดเป็นอสูรขึ้นมาเช่นกัน!
เมื่อเห็นอสุรกายเช่นนี้,ดวงตาของจิ้งจอกน้อยก็ตาโตขึ้นมาราวกับว่าได้พบเข้ากับยาชูกำลัง.
จิ้งจอกน้อยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ฉู่เทียนบอกกล่าวก็ลงมือในทันที,มันได้พ่นควันสีม่วงจากปากของมัน,เหล่าอสุรกายโลหิตที่ถูกคลุมเอาไว้ข้างในทันที,ทว่ามันก็พยายามดิ้นรนเช่นกัน,ทว่าร่างของอสุรกายเหล่านั้นก็ถูกสลายหายไป,ค่อยๆบิดเกลียว,ท้ายที่สุดก็กลายเป็นหมอกโลหิต,ก่อนที่จะถูกกลืนเข้ามาภายในท้องของจิ้งจอกน้อย.
จากที่ดูแล้วเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก!
ฉู่เทียนที่คิดว่าจิ้งจอกน้อยสามารถจัดการได้,ทว่าก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น,ร่างกายของมันที่กลายเป็นสีแดงทั้งหมด,พร้อมกับจามออกมาไม่หยุด,พลังงานสีแดงที่กระจายไปทุกที่,นี่เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น,ร่างของจิ้งจอกน้อยที่เต้นไปมาราวกับกินของเผ็ดเข้าไป,น้ำหูน้ำตาไหลออกมา,พร้อมกับจามไม่หยุด.
ไม่ได้การแน่!
ถึงแม้ว่าจะเป็นจิ้งจอกน้อย,ทว่าต้องไม่ลืมว่ามันยังไม่โตนัก,ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะดูดซับแก่นโลหิตของเทพอสูรได้ในเวลานี้!
ในเวลาเดียวกันปิศาจภายในทะเลโลหิตก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ,เวลานี้ในมือของพวกมันมีหอกและคันศร,ก่อนที่จะยิงมายังกลุ่มของฉู่เทียน,ปีกทมิฬที่สะบัดปีกออกไปทันที,ปีกซ้ายของเขาที่กวัดแกว่งออกมา,ราวกับว่ามีม่านพลังป้องกันขนาดใหญ่ป้องกันพวกเขาเอาไว้.
พรึด!
พรืดดด!
หอกและศรโลหิตถูกกระแทกกลายเป็นฝุ่นผงด้วยฝีมือของปีกทมิฬ,ทว่าไม่เพียงแค่เกิดระเบิดและเสียงสายฟ้าเท่านั้นที่ส่องประกายแปบๆ,ยังกลายเป็นกรดกัดกร่อนคละคลุ้งไปบนพื้นรอบๆ.
ปีกทมิฬมีความแข็งแกร่งมากและยังมีพลังที่แปลกประหลาดป้องกันไม่ให้พลังดังกล่าวเข้ามาใกล้.
ทว่าก็เกิดเป็นจุดสีแดงกระจายๆไปทั่วปีกซ้ายของเขา,พลังดังกล่าวราวกับว่าซึมหายไปทันที.
ใบหน้าของปีกทมิฬถึงกับเปลี่ยนเป็นขาวซีด,เขาที่พยายามที่จะต้านทานทว่าก็พบว่ามันได้ลุกเป็นไฟที่ลุกลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว,เพลิงที่เผาไหม้พลังงานของเขาที่เพียงแค่สัมผัส,ลุกไหม้เร็วจนเกินจะต้านทาน,และยังมีความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย.
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ปีกทมิฬที่รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตัวเองควบคุมไม่ได้,พลังกัดกร่อนร่างกายของเขาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก,ราวกับว่ามันจะทะลวงผ่านเข้าไปในจิตวิญญาณ,พร้อมกับพยายามที่จะควบคุมความนึกคิดของเขาให้ได้.
ฉู่เทียนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับปีกทมิฬ.
ทะเลสีขาดนี้ราวกับว่ามีพลังพันธนาการเหมือนกับของอสูร.
ฉู่เทียนที่ได้รับความรู้บางส่วนของเทพบรรพกาลจากหอคอยที่รัฐกลาง,ดังนั้นจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทพอสูรโบราณในระดับหนึ่ง,เทพเจ้าและเทพอสูรนั้น,แม้ว่าจะดูคล้ายๆกัน,ทว่ากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง,โลหิตเทพเจ้าสามารถที่จะชำระล้างคำสาบได้ทุกชนิด,ทว่าโลหิตของเทพอสูรนั้นจะช่วยเพิ่มพลังคำสาปให้รุนแรงยิ่งขึ้น,เพียงแค่หยดเดียวสามารถที่จะสังหารทุกสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเพียงแค่พริบตาเดียว.
สภาวะของหนี่เตอหัวเกอในตอนนี้เป็นเพราะเขามีโลหิตของอสูรที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง.
ด้วยโลหิตของอสูรที่เต็มไปด้วยพลังคำสาบที่ทรงพลัง,เป็นพลังที่สามารถกัดกร่อนร่างมนุษย์ให้สิ้นซาก,สามารถที่จะกัดกร่อนได้ทั้งพลังวิญญาณแม้แต่จิตวิญญาณก็ยากจะรอดพ้น,เพราะปีกทมิฬนั้นมีโลหิตของอสูรที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง,แม้ว่ามันจะทรงพลังมากมายก็ตาม,เมื่อต้องถูกโลหิตเทพอสูร,ก็จะทำให้เกิดการสูญเสียการควบควบคุมไปเนื่องจากความเข้มข้นของพลังคำสาบของเทพอสูร,ตอนนี้จึงแทบจะไม่ต่างกับหุนเชิดที่มีจิตสำนึกเท่านั้น.
หลานซือโหลวเตอปลดปล่อยภูติวิญญาณนาฬิกาทรายออกมาทันที,พร้อมกับพลังของกาลเวลาอาบไปทั่วร่างของปีกทมิฬ,พลังของโลหิตเทพอสูรก็ค่อยๆถูกผลักดันออกไปในทันที,ก่อนที่ปีกทมิฬจะกลับมาควบคุมร่างตัวเองได้.
"เป็นพลังที่ชั่วร้ายมาก!"ปีกทมิฬถึงกับเป่าปาก,พร้อมกับถอยออกมาทันที,พร้อมกับรู้สึกเลือนลาง,"พวกเราไม่สามารถสัมผัสกับการโจมตีนั่นได้,ไม่เช่นนั้นอาจจะได้รับผลร้ายตามมา!"
อสุรกายเหล่านั้นยังคงโจมตีมาไม่หยุด,พลังต่อสู้ของพวกมันนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก,เป็นเพียงแค่ระดับภูติแท้ระดับภูติสวรรค์เท่านั้น,ทว่ากลับมีจำนวนมากมายนับไม่น้อยที่ผุดขึ้นมาไม่หยุด,ซ้ำหากว่าถูกร่างกายของพวกเขา,โลหิตปิศาจในร่างของพวกเขาก็จะเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาในทันที.
เหล่ยนูที่คำรามลั่นบนแขนของเขามีสายฟ้าหลายร้อยสาย,ก่อนที่จะรวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายพลังสายฟ้า,ปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลสาบสีชาดทันที,พลังของเหล่ยนูที่กระจายไปรอบๆนั้นพร้อมที่จะแยกชิ้นส่วนของเหล่าอสูรกายที่มากมายที่ล่องลอยอยู่บนผิวทะเลสาบโลหิตในทันที.
สายฟ้าเทพยักษา,ไม่ใช่สายฟ้าทั่วไปที่จะสามารถนำมาเทียบได้.
นี่คือสายฟ้าที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษของเผ่ายักษา,เทพยักษาสายฟ้านั้นมีพลังสายฟ้าตั้งแต่เกิดมา,เหล่ยนูเองที่ฝึกฝนวิชามาหลายพันปี,พลังสายฟ้าของเขาแม้แต่มังกรยักษ์
ยังยากที่จะทนการโจมตีตรงๆของมันได้.
ใครจะรู้ในเวลานั้น,อสุรกายสีชาดที่อ้าปากพ่นเปลวเพลิงกระแทกตาข่ายสายฟ้า,แม้ว่าจะไม่ทำให้สายฟ้าของยักษาถึงกับระเหิดหายไป,ทว่าพื้นที่รอบๆก็ได้กลายเป็นหมอกโลหิต,ทำให้ประกายแสงของสายฟ้ากำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีชาดไปแล้ว.
เหล่ยนูเองก็พบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมสายฟ้าได้เช่นกัน,ตาข่ายสายฟ้านั้นทรงพลังมาก,ประกายแสงแปบๆของสายฟ้าตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงชาด,กลายเป็นสายฟ้าแบบใหม่,ตาข่ายสายฟ้าของเหล่ยนูในเวลานี้,ได้กลายเป็นสายฟ้าโลหิตที่มีขนาดใหญ่โตขึ้นยิ่งกว่าเดิมซะอีก.
เหล่าอสุรกายยังคงพ่นเพลิงโลหิตออกมาไม่หยุดหย่อน.
พวกเขาที่โจมตีออกไปไม่หยุด,ทว่ากลับกลายเป็นว่าได้ไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเหล่าอสุรกายเหล่านั้นให้แข็งแกร่งมากขึ้น.
มือทั้งสองข้างของปีกทมิฬในเวลานี้ควบรวมเพลิงมังกรแห่งความตายพร้อมกับปล่อยออกไปยังเหล่าอสูรกาย,หนึ่งในสามที่ระเหิดไปส่วนอื่นๆซึมเข้าไปยังร่างอสุรกายโลหิต,เปิงเจาเองก็ปล่อยพลังกงเล็บทะลวงไปยังเหล่าอสูรกายเหล่านั้น.
ไร้ซึ่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น.
หลังจากที่เหล่าอสุรกายโลหิตที่รับการโจมตีนับไม่ถ้วน,ทั้งพลังจากปีทมิฬ,เปิงเจา,ก็ทำให้พวกมันทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ.
หลานซือโหลวเตอที่ตะโกนออกไปในทันที,"หยุด,การโจมตีของพวกเราไร้ผล,มีแต่ทำให้มันทรงพลังมากยิ่งขึ้น!"
ปีกทมิฬ,เหล่ยนูและเปิงเจาขมวดคิ้วเข้าหากัน,พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้,สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เหนือล้ำเกินกว่าที่จะจินตนาการถึงไดผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์ระดับสุดยอดร่วมมือกันคาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย.
เปล่าปิศาจสีชาดที่ค่อยๆรวมตัวกันเติบโตขึ้น,มันได้ดูดซับพลังของปีกทมิฬ,เหล่ยนูและเปิงเจาเข้ามา,ตอนนี้พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด.
พวกเขาจะต้องถอยรึ?
"ข้ามีวิธี,ข้าจะจัดการเอง!"
ขณะที่ทุกคนกำลังงงงวยอยู่นั้น,ฉู่เทียนที่นำคัมภีร์เรียก
18 เสิ่นซีออกมา,ก่อนที่ร่างของเสิ่นซีทั้ง 18 ตนลอยออกไป,ร่างกายที่ส่องประกายแสงสีทองทั่วร่าง,พร้อมกับมีอาคมมากมายกำลังหมุนวน,ร่างของมันที่ปล่อยอักระพันธนาการออกมาอย่างคาดไม่ถึง.
"ผนึกทะลวงปิศาจ!"
อักระพันธนาการขนาดมหึมาที่ถูกปลดปล่อยจาก 18 เสิ่นซี,สร้างเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น,ร่างกายที่ใหญ่โตของอสุรกายราวกับภูเขาน้ำแข็งร่างกายของพวกมันแตกสลายออกมาในทันที,กลายเป็นเศษซากมากมายล่วงหล่นลงมาไม่หยุด,จมลงไปในทะเลสาบสีชาดหายไปในทันที.
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ปีกทมิฬและคนอื่นๆไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย,อสุรกายตนนั้นพวกเขาไม่สามารถจัดการได้,ทำไมหุ่นเชิดที่มีพลังกระจิดริดของฉู่เทียนกลับทำลายได้อย่างง่ายดาย.
เสิ่นซีของฉู่เทียนนั้นถูกหลอมขึ้นมาจากโลหิตของเทพบรรพกาล.
แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งนัก,ทว่าทั่วร่างของเสิ่นซีนั้นมีพลังของเทพบรรพกาลไหลเวียนอยู่,ดังนั้นโลหิตของอสูรไม่มีทางที่จะกลัดกร่อนพวกมันได้,ทุกการโจมตีของมันเองก็มีพลังของเทพบรรพกาลที่ถูกปล่อยออกไปด้วย,สามารถที่จะจัดการโครงสร้างของปิศาจสีชาด,สร้างความเสียหายกับพวกมันได้โดยง่าย.
เสิ่นซีที่กลับมาอยู่ข้างๆของฉู่เทียน.
ตอนนี้อสุรกายสีชาตินั้นถูกสังหารแค่ชั่วคราวเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกสังหารได้อย่างราบคราบ,พวกมันสามารถฟื้นกลับมาได้ตลอดเวลา,ภายในดินแดนแห่งนี้ไม่มีคำว่าตายนั่นเอง.
ฉู่เทียนกล่าว,"เสิ่นซีนั้นไม่ได้หวาดกลัวการโจมตีจากโลหิตอสูร,ทว่าพวกมันก็ยังอ่อนแอจนเกินไป,พวกเราไม่สามารถที่จะจัดการพวกมันทั้งหมดได้อย่างราบคาบ,ข้าอยากให้พวกท่านช่วยข้าเปิดทางลงไปสู่ด้านล่างเพื่อตรวจสอบว่ามันมีศพของเทพอสูรจริงหรือไม่!"
ปีกทมิฬ,เหล่ยนู,เปิงเจาและราชาเอลฟ์,คนทั้งสี่ที่ปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมๆกัน,พร้อมกับแยกผืนทะเลสาบโลหิตออกมา,ฉู่เทียนที่บังคับเสิ่นสีเข้าไปในทันที.
ศพของปิศาจบรรพกาลนั้นถูกผนึกอยู่ใต้ทะเลสีชาด,ทว่าโลหิตและเลือดเนื้อของมันได้ละลายหลอมรวมเข้ากับทะเลสาบสีชาติไปแล้ว,ฉู่เทียนที่ราวกับว่าลงมาเสียงเวลาเปล่า,ทันใดนั้นเขาก็ได้พบเข้ากับบางอย่างใต้ทะเลสาบ,มันเป็นผลึกสีเขียวเข้มที่ตกผลึกไปแล้ว.
กระดูกของอสูรบรรพกาล.
ตอนนี้มันได้หลอมรวมเข้ากับศิลาคลิสตัลไปแล้วรึ?
ฉู่เทียนที่ไม่ปล่อยให้เสียเวลา,ได้สั่งการให้เสิ่นซีตักเอาผลึกคลิสตัลในทันที,เวลานั้นค่อนข้างจำกัด,ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ย่อมไม่สามารถที่จะรักษา
การแหวกทะเลโลหิตได้นาน,นอกจากนี้อสุรกายโลหิตอาจจะฟื้นกลับมาได้ทุกเมื่อ.
คงจะทำได้แค่เพียงเท่านี้.
"เก็บเกี่ยวได้แล้ว,พวกเราถอนกำลัง!"
ฉู่เทียนที่ห่อกระดูกคลิสตัลของเทพอสูรกลับออกมา,พร้อมกับใช้พลังมิตินำทุกคนออกมาจากถ้ำแห่งนี้,กลับมายังตำหนักใต้ดินทันที,แม้ว่าจะไม่สามารถเก็บเก็บเกี่ยวเซ็นเหยาได้ก็ตาม,ทว่าการได้รับกระดูกผลึกกลับมานั้น,ก็นับว่าไม่เสียเปล่าทีเดียว.
สิ่งดังกล่านี้คือส่วนหนึ่งของปิศาจบรรพกาล,ในทวีปนี้หายากมากๆ,ถึงแม้ว่าจะเป็นปีกทมิฬและคนอื่นๆยังไม่รู้เลยว่าสามารถใช้ทำอะไรได้,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดที่จะของแบ่งปันซึ่งได้ให้ฉู่เทียนนำไปวิจัยทั้งหมดนั่นเอง.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==> Click
-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น